IT15

Google Photos กำลังจะเพิ่มฟีเจอร์แต่งภาพหน้าชัดหลังเบลอ เร็วๆ นี้

ปกติ Google Photos ซึ่งเป็นโปรแกรมเก็บภาพและสามารถแก้ไขภาพได้ในระดับเล็กๆ แต่ก็ยังไม่มีลูกเล่นที่แตกต่างออกไป

ล่าสุด Google Photos กำลังจะมีฟีเจอร์ใหม่ ที่หลายคนยังรออยู่ได้แก่ ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ได้โดยการลดคุณภาพของรูปภาพ ข่าวดีก็คือคุณสามารถดาวน์โหลดรูปภาพต้นฉบับจากระบบคลาวด์ก่อนที่คุณจะปรับลดรุ่นได้

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจคือการทำหน้าชัดหลังละลาย การทำงานสามารถที่จะแยกแยะสีของภาพทำให้การแสดงผลของภาพนั้นดูสมจริงขึ้นมา

ทั้งหมดนี้ยังคงปิดเงียบและยังไม่เปิดเผยออกมาว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่ แต่ใครรอใช้อยู่ ก็อดใจอีกนิดเดี๋ยวก็มา

ความคิดเห็น:เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมในการใช้งาน

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1454593/

IT14

เผยผลสำรวจล่าสุด! “มะกันชน” กว่าร้อยละ 44 เปอร์เซ็นต์ลบแอป Facebook ออก

หลักจากเกิดกรณีอื้อฉาวที่ Facebook ปล่อยให้บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอังกฤษ เคมบริดจ์ อะนาลิติกา นำข้อมูลของผู้ใช้ Facebook ที่อาจมากถึง 87 ล้านบัญชีไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จนนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก(ซีอีโอ) ต้องออกมาแถลงการณ์รับผิดชอบ และต้องเข้าให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ไปแล้วนั้น ดูเหมือน Facebook ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาจากประชาชนชาวเมกาได้

โดยสื่อต่างประเทศชื่อดังอย่าง motherboard.vice.com ได้นำเสนอผลสำรวจของ Pew Research Center ถึงความพึ่งพอใจและการใช้งานแพลตฟอร์มโซเชีลมีเดียดังกล่าวของเหล่าชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 18-27 ปีออกมาเผยแพร่ให้เราได้เห็นกัน

ซึ่งผลสำรวจออกมาว่าร้อยละ 44 เปอร์เซ็นต์ได้ทำการลบแอปพลิเคชั่น Facebook ออกจาก device ต่างๆ การศึกษายังชี้ให้เห็นว่าประมาณ 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ Facebook เลือกที่จะหยุดเล่นชั่วคร่าวจากแพลตฟอร์มทางสังคมเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือมากกว่า โดยหนึ่งในสี่ของผู้ใช้เลือกที่จะลบแอพFacebook จากโทรศัพท์ของพวกเขาทั้งหมดในปีที่ผ่านมา


Pew พบว่าอายุของผู้ใช้ Facebook กลายเป็นตัวหลักในการกำหนดว่าผู้ใช้มีช่วงอายุเท่าไรมีแนวโน้มจะลบหรือหยุดเล่น Facebook  ชั่วคร่าว โดย 44 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่อายุน้อยกว่า(อายุ 18-27 ปี) ได้ทยอยลบหรือหยุดเล่นแอปออกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับผู้ใช้อายุ 65 ปีขึ้นไปเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 

อย่างไรก็ตามผู้ใช้ที่มีอายุ 18-27 ปี มีแนวโน้มที่จะปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้ปลอดมากขึ้นมากกว่าการลบหรือเลือกใช้งาน Facebook ในปีที่ผ่านมา  ส่วนผู้ใช้งานที่อายุมากว่า 65 ปีขึ้นกลับไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนัก

สำหรับผลการวิจัยที่ได้มาข้างต้นนั้นทาง Pew Research Center ได้ทำการเก็บข้อมูลจากการสำรวจมะกันชนในสหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมถึงวันที่ 11 มิถุนายน จำนวน 4,594 คน

ทั้งนี้เหตุผลหลักๆ ในการเลิกใช้งาน Facebook ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากความไม่ไว้วางใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวและการบิดเบือนข้อมูลส่วนบุคคลของเฟสบุ๊ค ที่มีข่าวในแง่ลบออกมาให้เห็นตลอดช่วงเวลาครึ่งปี 2018 แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา Facebook ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นจำนวนมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับ Cambridge Analytica

ความคิดเห็น:การที่facebookมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ควรมีความปลอดภัยมากกว่านี้

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1459713/

IT13

Instagram กำลังจะสามารถ Tag เพื่อนในวิดีโอเร็วๆ นี้

Instagram เป็นอีก Apps ที่มีการเพิ่มลูกเล่นเยอะอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีอะไรใหม่ๆ ให้ตื่นเต้น เพิ่มเติมเต็มสิ่งที่ขาดไป

สำหรับ Instagram ก็มีข่าวคราวว่าจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างเช่นการ Tag เพื่อนเข้าสู่วิดีโอ โดยฟีเจอร์เรียกว่า People in This Video เมื่อเราเจอหน้าเพื่อนก็สามารถกด Tag ไปหาคนได้เลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟีเจอร์นี้ยังไม่ได้เปิดให้ใช้งานได้อย่าเป็นทางการ ดังนั้นใครอยากได้คงต้องรอกันไปก่อนนะอีกไม่นาน

ความคิดเห็น:การที่ไอจีมีการพัฒนาขึ้นๆเรื่อยทำให้ผู้ใช้อยากใช้งานมากขึ้น

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1460177/

IT12

     Fierfox เตรียมคัดเลือก

        โลโก้ใหม่ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย

      Firefox เว็บเบราว์เซอร์ที่เคยฮิตและอยู่ยาวในวงการอินเทอร์เน็ตโลกตั้งแต่ปี 2002 ล่าสุดเตรียมคัดเลือกโลโก้ใหม่ ที่จะเปลี่ยนโลโก้เดิมๆให้เป็นแบบใหม่ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้าา สะท้อนการรีแบรนด์ Firefox เต็มรูปแบบ

      ทิม มูเรย์ (Tim Murray) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Mozilla ได้โพสต์รายละเอียดการปรับโครงสร้างแบรนด์ Firefox ว่า Firefox วันนี้ไม่ได้มีบริการเบราว์เซอร์เพียงอย่างเดียว แต่มีหลายโครงการ เช่น Firefox Rocket เบราว์เซอร์ที่กิน Data น้อย และ Firefox Reality เบราว์เซอร์สำหรับแสดงผลเทคโนโลยีเสมือนอย่างวีอาร์ (virtual reality)

ความคิดเห็น:ทำให้มีตัวเลือกที่ใช้งานที่ทันสมัยมากขึ้น

ที่มา:https://www.it24hrs.com/2018/firefox-changing-new-logo-2018/

IT11

สติ๊กเกอร์ไลน์ จากแบรนด์ธุรกิจที่มียอดผู้ใช้มากที่สุด พร้อมเผยปัจจัยสร้างแบรนด์

       ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนมากกว่า 45 ล้านคนและใช้เวลาโดยเฉลี่ยบนสมาร์ทโฟน 216 นาทีต่อวัน LINE ก็เป็นอีกช่องทางที่มีผู้ใช้มากกว่า 95% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือและใช้เวลาบน LINE เฉลี่ยประมาณ 63 นาทีต่อวัน (ข้อมูลจาก Nielsen Q4, ปี 2017) ทำให้ LINE กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสนทนาหลักของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งสติกเกอร์ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของ LINE ที่ผู้ใช้ชื่นชอบและใช้ในการสื่อสารแทนข้อความและคำพูดของตัวเอง

        โดยสถิติของการใช้สปอร์นเซอร์สติกเกอร์ หรือสติกเกอร์แบรนด์ที่แจกฟรีนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 23% เมื่อเทียบไตรมาสแรกของปีนี้และปีที่ผ่านมา นอกจากสติกเกอร์จะทำให้การแชทของคุณสนุกและสื่อสารแทนคำพูดได้ชัดเจนขึ้น ยังช่วยโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นอีกด้วย

         จากผลสำรวจจาก TNS ช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 ในเรื่องคาแรคเตอร์หรือมาสคอตของแบรนด์ต่างๆ โดยผลสำรวจ กล่าวว่าคาแรคเตอร์สามารถดึงดูดสนใจให้กับแบรนด์ถึง 83% และผลสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถามผ่านทาง LINE กล่าวว่าสปอร์นเซอร์สติกเกอร์ หรือสติกเกอร์แบรนด์ที่แจกฟรีทำให้คนสังเกตุเห็นแบรนด์เพิ่มขึ้น 34% และรู้จัก      แบรนด์นั้นๆ มากขึ้น 33% โดย 78% ผู้ใช้เลือกที่จะดาวน์โหลดสติกเกอร์แบรนด์บางเซ็ต 56% เลือกเซ็ตที่มีคำพูดใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และ 47% เลือกเซ็ตที่เป็นสติกเกอร์อนิเมชั่น

ความคิดเห็น:เป็นอีกเส้นทางในการเลือกทำธุรกิจ

ที่มา:https://www.it24hrs.com/2018/top-10-line-stickers-branding/

IT10

    ไทยได้อันดับ 73 ของโลก จากการจัดอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

          ผลการจัดอันดับ ดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index: EGDI) ของ United Nations E-Government Survey ปี พ.ศ. 2561 ปรากฎว่า ประเทศไทยได้อันดับที่ 73 จากเดิมอันดับที่ 77 ในปี พ.ศ. 2559 จากทั้งหมด 193 ประเทศ ซึ่งดีขึ้นถึง 4 อันดับ

         ส่วน 5 อันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มประเทศผู้นำ 5 อันดับแรกของโลกได้แก่        1. เดนมาร์ท 2. ออสเตรเลีย 3.เกาหลีใต้ 4.อังกฤษ และ 5.สวีเดน

ความคิดเห็น:ไทยมีโอกาสพัฒนาในทางที่ดีขึ้น

ที่มา:https://www.it24hrs.com/2018/e-gov-survey-2018/

IT9

          เด็กวัยรุ่นอเมริกันนิยม 

    ยูทูบ และไอจีมากกว่า เฟซบุ๊ก

        ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เฟซบุ๊ก (Facebook) คือสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของวัยรุ่นอเมริกัน ด้วยอัตราส่วนผู้ใช้ 71% ของจำนวนวัยรุ่นทั้งหมดในอเมริกา

        แต่ในปัจจุบัน ตัวเลขความนิยมในเฟซบุ๊กในหมู่คนอเมริกันอายุ 13 - 17 ปี ลดลงอยู่ที่ระดับ   51% เท่านั้น ตามรายงานวิจัยของ Pew Research Centerขณะที่โซเชียลมีเดียอื่นๆ รวมทั้ง YouTube, Snapchat และ Instagramได้รับความนิยมมากขึ้น

        รายงานของ Pew Research Center ชี้ว่า YouTube คือสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในหมู่วัยรุ่นสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ด้วยอัตราส่วนผู้ใช้ 85% รองลงมาคือ Instagram ที่มีวัยรุ่นอเมริกันใช้กันราว 72% และ Snapchat อยู่ที่ระดับ 69%

        อย่างไรก็ตาม ผู้ทำวิจัยบอกว่า พฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นอเมริกันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก กล่าวคือ จะไม่ใช้แอพฯใดเพียงแอพฯเดียว แต่จะใช้หลายๆ แอพฯผสมกัน

        รายงานวิจัยชิ้นนี้ยังพบด้วยว่า ปัจจุบัน 95% ของเด็กวัยรุ่นอเมริกัน อายุระหว่าง
13 - 17 ปี ต่างมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง โดยในจำนวนนี้ 45%
บอกว่าพวกตนออนไลน์เป็นประจำ

ความคิดเห็น:มีการพัฒนาไปเรื่อยๆทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนเเปลงในการใช้

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1453021/

IT8

สื่อนอกคาด Apple มีแผนเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning กับ iPhone 2019 ปีหน้า

                          

         ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวลือออกมาว่า iPhone 2018 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ อาจจะเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เดิมมาเป็นพอร์ต USB-C นั้น แต่ข่าวอัปเดตจากวงในล่าสุด เผยว่า แผนดังกล่าวดำเนินการไม่ทันในปีนี้ ซึ่งคาดว่า iPhone และ iPad จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ตแบบ USB-C ในปีหน้าแทน

                                           

           สำหรับพอร์ตแบบ Lightning นั้น เปิดตัวครั้งแรกบน iPhone 5 เมื่อปี 2012 และมีแนวโน้มว่า Apple จะเปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง เมื่อทางสื่อ DigiTimes รายงานหลังจากได้รับข้อมูลจากวงในผู้ผลิตชิ้นส่วน ที่ระบุว่า iPhone และ iPad ปี 2019 จะมีการเปลี่ยนมาใช้พอร์ตแบบ USB-C แล้ว หลังจากที่ Apple ได้เริ่มนำร่องการใช้พอร์ตดังกล่าวกับ MacBook ขนาด 12 นิ้ว รวมถึง MacBook Pro ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งข้อดีของพอร์ตแบบ USB-C ก็คือ ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น รวมถึงการถ่ายโอนข้อมูลก็ทำได้รวดเร็วมากกว่า

นอกจากนี้ในปัจจุบัน ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงหลายแบรนด์ ต่างเริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C บ้างแล้ว ซึ่งถ้าหาก iPhone 2019 เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C จริง ก็จะมีประโยชน์กับผู้ใช้ตรงที่ไม่จำเป็นต้องพกพาสายชาร์จหลายอัน ในกรณีที่ใช้งานทั้ง Android และ iPhone

ส่วน iPhone 2018 ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ยังคงเป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning อยู่

ความคิดเห็น:เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1453881/

IT7

     Facebook ประเดิมฟีเจอร์นัดเดท แต่เริ่มใช้งานกับ             พนักงานก่อน

      ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Facebook เพิ่มฟีเจอร์การหาคู่ออนไลน์ คล้ายกับแอป Tinder และก็ถึงเวลาเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ โดยเริ่มจากการใช้งานภายในระหว่างพนักงานด้วยกันเองก่อน เพื่อทดสอบด้าน UI และ UX ว่าจะเหมาะกับการใช้งานจริง

      โดยเป็นการทดสอบภายในของ Facebook ที่อยู่ในสหรัฐฯ เพียงบางคนเท่านั้น (ไม่ได้มีไว้สำหรับการนัดหมายเพื่อนร่วมงานจริง) โดยการตั้งโปรไฟล์สามารถจำกัดการมองเห็นได้ รวมถึงการเลือกเอกลักษณ์ทางเพศของคู่ที่ต้องการจับ ทั้งนั้นยังไม่ได้มีกำหนดวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าจะมาอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น:มีทั้งข้อดีเเละไม่ดีในเรื่องการออกเดตในชีวิตจริง

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1457681/

IT6

         YouTube เพิ่ม Hashtags แสดงผลตรง           ไตเติ้ลวิดีโอ เพื่อให้คุณค้นหาได้ง่ายมากขึ้น

      Google เพิ่มฟีเจอร์เรื่องของการค้นหาให้ง่ายขึ้น    ใน YouTube เวอร์ชั่น Desktop โดยมีการเพิ่ม Hashtags 

หรือการพิมพ์   #ตามด้วยประเด็น หรือ ชื่อของ ทำให้ง่ายต่อการค้นหามากขึ้น

      โดยการใส่ข้อมูลนี้สามารถแสดงผลได้เฉพาะ 3 Hashtags แรกเท่านั้นและจะแสดงผลอัตโนมัติ โดยใครอยากใช้งานก็ลองใส่กับวิดีโอของคุณ หรือไม่ก็ค้นหาด้วย Hashtags ใน YouTube ได้เลยทั้งทางเวอร์ชั่นมือถือด้วย
 ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1457025/

ความคิดเห็น:ทำให้ค้นหาสิ่งที่คล้ายกันง่ายขึ้น

IT5

   Instagram ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์แสดงจุดเขียวใน Direct Message แสดงผลว่า เขายังออนไลน์อยู่นะ!

          ล่าสุดนี้ฟีเจอร์การบอกสถานะของ User นี้ โดย Instagram จะมีสีเขียวเพื่อบอกเพื่อนคุณว่า คุณกำลังออนไลน์อยู่และสามารถส่งข้อความแล้วได้รับคำตอบได้ทันทีภายใน Direct Message 

          แต่คนที่เห็นจะต้องเป็นเพื่อนเรา และเราต้องไปเลือกในการตั้งค่าว่าจะให้ใครเห็นบ้าง เพราะบางครั้งไม่ได้เห็นทั้งหมด

สำหรับฟีเจอร์นี้ตอนนี้ใช้ได้แล้วแค่อัปเดต Instagram เท่านั้นเอง

ความคิดเห็น:ไอจีมีการเปลี่ยนเเปลงในด้านที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา:https://www.sanook.com/hitech/1456833/

IT4

     คาดการ์ณ 6 เทรนด์... 

 ที่จะเกิดขึ้นบน  Instagram ปีนี้!

1. ร้านค้าโซเชียลมีเดีย

ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวล่าสุด ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุด ผู้คนต่างต้องการที่จะติดต่อสื่อสารกับธุรกิจเหล่านี้ นอกจากนี้ ร้อยละ 62 ของกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลยังบอกว่า หากแบรนด์ติดต่อกับพวกเขาผ่านโซเชียลมีเดีย ก็จะเพิ่มโอกาสในการเป็นลูกค้าประจำที่จงรักภักดีต่อแบรนด์นั้น เนื่องจากโซเชียลแพลตฟอร์มกำลังได้โอกาสที่น่าตื่นเต้นในการทำลายกำแพงที่จะเชื่อมต่อไปสู่การขายสินค้า ในปี 2561 จากการที่ แบรนด์ต่างๆ เริ่มได้รับผลประโยชน์จากการเชื่อมต่อนี้ โซเชียลมีเดียจะกลายเป็นแหล่งซื้อขาย และจะช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางโซเชียลได้เป็นอย่างดี ตลอดปีที่ผ่านมาในสหรัฐฯ เราได้ทดลองฟีเจอร์ Shopping ในอินสตาแกรม ซึ่งช่วยให้การซื้อสินค้าภายในแอพพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น และเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แนะนำฟีเจอร์นี้ไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในปี 2561 นี้

2. วิดีโอจะมาแรงในปีหน้า แต่จะหายไปในวันพรุ่งนี้

คาดการณ์ว่าในปี 2562 ร้อยละ 72 ของยอดการชมวิดีโอออนไลน์ทั้งหมด จะเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้กับแบรนด์ต่างๆ ในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างประสบการณ์วิดีโอที่น่าสนใจที่จะช่วยดึงดูดผู้บริโภคผ่านเนื้อหาที่อยู่ในมือของพวกเขา ทั้งนี้ เราคาดหวังว่าข้อมูลแบบชั่วคราวอย่าง Stories จะได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีต่อไป เราคาดหวังที่จะเห็นแบรนด์ต่างๆ กล้าที่จะลองเสี่ยงกับการใช้ข้อมูลแบบชั่วคราว โดยเชื่อมั่นว่าโพสต์ต่างๆ ที่จะหายไปหลังจากระยะเวลา 24 ชั่วโมงนั้น จะช่วยมอบอิสระในการคิดสร้างสรรค์เนื้อหามากยิ่งขึ้น

3. การส่งข้อความจะกลายเป็นพื้นที่สำหรับธุรกิจ

นอกเหนือจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว เรายังเห็นผู้คนเปลี่ยนวิธีการสื่อสารด้วยการส่งข้อความ ซึ่งเป็นรูปแบบการสื่อสารที่รวดเร็ว ตรงไปตรงมา และเป็นส่วนตัว ผู้คนต้องการที่จะสื่อสารกับธุรกิจต่างๆ ในวิธีการที่รวดเร็วและเป็นกันเองมากขึ้น เช่นเดียวกับวิธีสื่อสารกับเพื่อนฝูง ร้อยละ 64 ของผู้คนเลือกส่งข้อความเพื่อติดต่อสื่อสารกับธุรกิจ แทนการใช้โทรศัพท์หรือส่งอีเมล์ เราคาดการณ์ว่าจำนวนนี้จะเติบโตขึ้นในปี 2561 และจะเห็นการซื้อขายผ่านการส่งข้อความมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

4. ธุรกิจขนาดเล็กจะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้านการตลาด

ในอดีตนั้น การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดระดับโลกเคยเป็นสิ่งที่ถูกสงวนไว้สำหรับแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณจำนวนมากเท่านั้น แต่ความง่ายดายในการจัดการและประสิทธิภาพของโซเชียลมีเดียนั้นได้ยกระดับความเท่าเทียมให้กับสนามแห่งการตลาด ซึ่งช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้เกิดและเติบโตในระดับโลก โดยในปี 2561 เราคาดว่าบริษัทขนาดเล็กจะยังคงผลักดันที่จะลดขีดจำกัดต่างๆ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับทุกคนในอุตสาหกรรม

5. การเติบโตของตลาดเฉพาะในโลกของโซเชียลมีเดีย

ผู้คนจากทั่วโลกได้เชื่อมต่อกันผ่านการแบ่งปัน ความสนใจและความชอบที่คล้ายกัน ในอินสตาแกรมประกอบด้วยคอมมูนิตี้ที่มีความสนใจเฉพาะอยู่ จำนวนมาก ซึ่งแปลว่ามีกลุ่มผู้ชมที่มีส่วนร่วมสูง มีคุณค่า และสามารถเข้าถึงได้ง่าย สำหรับแบรนด์ใดก็ตาม

6. การทบทวนประเมินคุณค่าของเนื้อหา

ในขณะที่เครื่องมือวัดผลอย่าง “ยอดไลค์” และการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จเชิงการตลาดในโลกโซเชียล การวัดผลที่มีความหมายอย่างแท้จริงคือยอดขายหรือการกระทำเชิงธุรกิจอื่นๆ จากการที่แบรนด์ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ลึกยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พวกเขาสามารถเลือกใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ช่วยให้เขาเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและพัฒนาเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่แบรนด์ได้เรียนรู้พฤติกรรมและความเป็นมาของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น พวกเขาก็สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจในเวลาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายในที่สุด

ความคิดเห็น:เป็นการส่งเสริมได้ดีอีกทางหนึ่ง


ที่มา:https://www.aripfan.com/6-trends-for-instagram-2018/

IT3

     ซัมซุง “แบรนด์ที่ดีที่สุดใน         เอเชีย” 7 ปีซ้อน

        ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ครองตำแหน่ง “แบรนด์ที่ดีที่สุดในเอเชีย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จาก “1000 แบรนด์    ที่ดีที่สุดในเอเชีย” (Asia’s Top 1000 Brands) โดยเป็นการสำรวจประจำปีทางออนไลน์ของ แคมเปญ เอเชีย  แปซิฟิค (Campaign Asia-Pacific) ร่วมกับนีลเส็น (Nielsen)

        การจัดลำดับในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมความคิดเห็นผู้บริโภคจาก 17 อุตสาหกรรมหลักที่ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยพิจารณาจากความคิดเห็นเชิงลึกของผู้บริโภคที่ผ่านการวัดผลด้วยกระบวนการที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน เพื่อใช้จัดลำดับแบรนด์ที่ถูกอ้างถึงมากที่สุดในปัจจุบัน

เกณฑ์การสำรวจ

       “1000 แบรนด์ที่ดีที่สุดในเอเชีย” (Asia’s Top 1000 Brands) รวบรวมข้อมูลจากผลการสำรวจทางออนไลน์โดยแคมเปญ เอเชียแปซิฟิค (Campaign Asia-Pacific) โดยใช้ข้อมูลและความเห็นเชิงลึกจากนีลเส็น (Nielsen) ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคใน 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม จากผู้เข้าร่วม 400 คนจากกลุ่มตลาด ไม่รวมประเทศอินเดียและจีนที่มีผู้ร่วมการสำรวจจำนวน 800 คน และ 1,200 คน ตามลำดับ โดยการสำรวจมีการจำกัดอายุ เพศ และรายได้ครัวเรือน

        ผลการสำรวจเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ 17 อุตสาหกรรมหลัก (ประกอบด้วย แอลกอฮอล์ บริการทางการเงิน อุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค ร้านอาหาร อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ อุตสหกรรมการให้บริหารผ่านระบบดิจิตอล บริการจัดส่งสินค้า อีคอมเมิร์ส สื่อและโทรคมนาคม การกีฬา ขนส่ง ท่องเที่ยวและสันทนาการ ของใช้ในครัวเรือนและของใช้ส่วนบุคคล) และอีก 79 กลุ่มอุตสาหกรรมย่อย โดยมี 2 คำถามให้ตอบ คือ 1.) คุณคิดว่าแบรนด์ใดเป็นแบรนด์ที่ดีที่สุด ซึ่งคำว่าดีที่สุดของเราหมายถึงแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับคุณ หรือมีชื่อเสียงที่สุดในหมวดหมู่นั้นๆ และ 2.) นอกจากแบรนด์ที่ดีที่สุดที่คุณตอบมาเบื้องต้นนี้ คุณคิดว่าแบรนด์ใดเป็นแบรนด์ที่ดีที่สุดเป็นอันดับสอง

      ล่าสุด ซัมซุงในประเทศไทยยังคว้ารางวัล “แบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย” (No.1 Brand Thailand 2018) จากนิตยสาร MARKETEER โดยสามารถคว้ารางวัลดังกล่าวได้ติดต่อกันถึง 8 ปีซ้อน อีกทั้งยังได้รับรางวัล “Thailand’s Most Admired Brand & Company” โดยนิตยสาร BrandAge ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้า ถือเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจและด้านนวัตกรรมระดับโลก

ความคิดเห็น:ถือเป็นเเบรนด์ที่ดีเเบรนด์หนึ่ง ในด้านเทคโนโลยี

 ที่มา:https://www.innnews.co.th/technology/news_109853/

IT2

             สายเนียนสบายใจ! Instagra ยกเลิกฟีเจอร์ แจ้งเตือนเมื่อมีการแคป IG Story แล้ว

        ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ได้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งซึ่งสั่นสะเทือนการใช้งาน Instagram ของผู้ใช้ "สายเผือก" จำนวนมาก เมื่อทางผู้พัฒนา Instagram                    กำลังทดสอบฟีเจอร์แจ้งเตือนผู้ใช้หากมีการแคปภาพ (Screen Capture) ใน
IG Storyโดยในส่วนของคนแคปนั้นก็จะมีป๊อปอัพเด้งขึ้นมาเตือนว่า "ในครั้งต่อไปที่คุณทำการแคปเจอร์ภาพสกรีนช็อต หรือบันทึกวีดีโอหน้าจอผู้ที่โพสต์เรื่องราวจะสามารถมองเห็นได้" และแม้ว่าการแจ้งเตือนดังกล่าว จะไม่ใช่การแจ้งเตือนเจ้าของไอจีที่ถูกแคปในทันทีแต่พวกเขาก็สามารถเข้าไปตรวจสอบดูได้ ว่ามีใครมาแอบแคป Story ของเขาไปบ้าง

       แต่ในวันนี้ ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับหลายๆ คนด้วยเพราะช่วงเวลาเลวร้ายดังกล่าวได้จบลงไปแล้ว โดยทาง Instagram ได้ออกมายืนยันกับ BuzzFeed News ในวันนี้ ว่าการทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้วเป็นไปได้ว่า Instagram อาจดึงไอเดียของฟีเจอร์นี้มาจาก Snapchat และเมื่อ Instagram ตัดสินใจยกเลิกฟีเจอร์สุดขวางทางเผือกนี้ไป เชื่อว่าคนหลายต้องดีใจมากแน่ๆ

ความคิดเห็น:ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ถูกยกเลิก ทำให้คนที่เเคปมีความส่วนตัวมากขึ้น

ที่มา:https://news.thaiware.com/13727.html

IT1

       Instagram เตรียมปล่อยฟีเจอร์ใหม่โพสต์

                                 คลิปวิดีโอได้ยาวถึง 60

              

                  สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า Instagram มีแผนที่จะเพิ่ม
   คุณสมบัติใหม่คือผู้ใช้สามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอได้ ยาวนานขึ้นเป็น 1 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็น
   การโฟกัสไปที่คอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นในรูปแบบเดียวกับแพลตฟอร์มอย่าง YouTube
   หรือแม้แต่บน Facebook เอง

                   ที่น่าสนใจก็คือ Instagram มีฐานผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น
   โดยปัจจุบันมีสถิติของ active user สูงถึง 800,000 บัญชีต่อวัน เพิ่มขึ้นจากในเดือนพฤศจิกายน
   ที่ในเวลานั้นมี active user ที่ 300,000 บัญชี นั่นทำให้แพลตฟอร์มดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งใน
   ทางเลือกใหม่ในอนาคตของบรรดาครีเอเตอร์หรือผู้ผลิตคอนเทนต์เช่นกัน

                    สำหรับปัจจุบัน Instagram สามารถอัปโหลดคลิปวิดีโอใน Stories
   ได้สูงสุด 15 วินาทีขณะที่วิดีโอบนหน้าฟีดนั้นสามารถอัปโหลดได้ยาวสุด 1 นาที
   ซึ่งหากมีการเพิ่มศักยภาพให้อัปโหลดวิดีโอได้ถึง 1 ชม. จริงตามข่าวก็ถือว่าไอจี
   จะกลายเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่น่าสนใจมากอีกแพลตฟอร์มหนึ่งไม่แพ้ YouTubeเลย

ความคิดเห็น:ด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนเเปลงตลอดขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน

    ที่มา:https://www.beartai.com/news/itnews/248876

ที่มาTWZ Smartphone